Search Intent หรือ เจตนาในการค้นหา คือ “เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังคำค้นหาของผู้ใช้” ว่าเขาต้องการอะไรจริง ๆ จากการค้นคำนั้น เช่น ต้องการ “ข้อมูล”, “ซื้อสินค้า”, “เปรียบเทียบราคา” หรือ “หาเส้นทาง”
เสิร์ชคล้ายๆ กันแต่ผลลัพธ์ใน google กลับมาไม่เหมือนกัน เพราะว่า google ไม่ได้ดูแค่คำที่เราพิมพ์ แต่ยังไม่พยายามเข้าใจว่าเราต้องการอะไร จากการค้นหานั้นอยู่
Search Intent ซึ่ง google แบ่งไว้เป็น 4 แบบ และแต่ละแบบก็ส่งผลกับการผลการแสดงผลการค้นหา
- Informational Search Inten ผู้ค้นหากำลังจะหาข้อมูล เช่น วิธีการเลือกซื้อคอนโด การเสิร์ชประเภทนี้จะได้ผลการค้นหาประเภทบทความ หน้าหน้าเว็บที่ให้ข้อมูลเยอะๆ
- Navigational Search Intent เป็นผู้คนที่รู้จักแบรนด์หรือเชื่อเว็บเฉพาะอยู่แล้ว แต่ไม่รู้จัก URL เช่นอาจจะเป็น ชื่อของโครงการ + คอนโด อันนี้ผลการค้นหาก็จะขึ้นหน้าของเว็บไซต์นั้นๆ ให้เลย
- Transactional Search Intent พร้อมซื้อหรือสมัคร เป็นกลุ่มของคีย์เวิร์ด ที่ผู้ค้นหาต้องการซื้อแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ซื้อคอนโด 2 ห้องนอน
- Commercial Search Intent เปรียบเทียบก่อนซื้อ หลักๆ จะเป็นกลุ่มผู้คนที่ค้นหาที่เขาอยากจะทำการรีวิว หรือเปรียบเทียบสิ่งที่เค้าสนใจอยู่ ณ ตอนนี้อันไหนมันดีกว่ากัน เช่น บ้าน vs คอนโด เพื่อต้องการเปรียบเทียบข้อมูลและตัดสินใจซื้อ ต่อไปในเสต็ปถัดไป
ความสำคัญต่อ SEO
- ช่วยให้คุณสร้าง เนื้อหาที่ตรงใจผู้ค้นหา มากที่สุด
- ทำให้เว็บไซต์ของคุณ ติดอันดับบน Google ได้ดีขึ้น
- เพิ่ม อัตราการคลิก (CTR) และ Conversion Rate
- ปรับกลยุทธ์เนื้อหาให้เหมาะสม เช่น บทความ, รีวิว, หน้าขายสินค้า
ขั้นตอนการทำคอนเทนต์ SEO ให้ตรง Search Intent มีขั้นตอนหลักดังนี้
- วิเคราะห์คีย์เวิร์ด – ใช้เครื่องมือ (เช่น Google Keyword Planner, Ahrefs) เพื่อดูว่าแต่ละคำค้นมีเจตนาแบบไหน เช่น ต้องการข้อมูลหรือซื้อของ
- ดูผลการค้นหาหน้าแรก (SERP) – วิเคราะห์ว่าคอนเทนต์ที่ติดอันดับเป็นแบบไหน เช่น บทความ, วิดีโอ, หน้าสินค้า
- เลือกประเภทคอนเทนต์ให้ตรง intent – เช่น Informational → ทำบทความ How-to, Transactional → ทำหน้า Landing Page
- เขียนคอนเทนต์ให้ตรงประเด็น – ตอบให้ชัดเจน ตรงคำถาม ไม่อ้อมค้อม
- ใส่ On-page SEO – ปรับ Title, Meta, URL, H1 ให้มีคำที่ตรงกับ intent
- ปรับ UX/UI ให้ใช้งานง่าย – ลด Bounce Rate เพิ่ม Conversion