1. ศึกษาคำค้น (Keyword Research)
ใช้เครื่องมือฟรี เช่น
เลือกคำค้นที่
- คนค้นเยอะ
- ไม่ยากเกินไปในการแข่งขัน
- สอดคล้องกับสินค้า/บริการของคุณ
ตัวอย่าง: ถ้าคุณขายเสื้อยืดแฟชั่น → คำค้นเช่น "เสื้อยืดผู้หญิง", "เสื้อยืด oversize", "เสื้อยืดราคาถูก"
2. ปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ (On-Page SEO)
หัวข้อหลักที่ควรใส่ คำค้น (Keyword):
ซื้อเสื้อยืดแฟชั่นราคาถูก | ช้อปเลย
- Title Tag: หัวข้อของหน้า (เช่น )
- Meta Description: คำอธิบายที่แสดงใน Google
- URL: ควรเป็นภาษาอังกฤษสั้น ๆ เช่น yourwebsite.com/tshirt-fashion
- หัวข้อ (H1, H2, H3): หัวข้อของเนื้อหาควรมีคำค้น
- เนื้อหา (Content): เขียนเนื้อหาที่มีประโยชน์ และแทรกคีย์เวิร์ดอย่างเป็นธรรมชาติ
- ❌ อย่ายัดคีย์เวิร์ดมากเกินไป (เรียกว่า Keyword Stuffing)
3. เพิ่มเนื้อหาที่มีคุณค่า (Content Marketing)
- เขียนบล็อกหรือบทความที่ให้ข้อมูล เช่น: “5 วิธีเลือกเสื้อยืดให้เข้ากับรูปร่าง” , “เทรนด์แฟชั่นปี 2025 ที่คุณต้องรู้”
- ใช้คีย์เวิร์ดแบบ long-tail เช่น “เสื้อยืดสีขาวผู้ชายราคาถูก”
4. เพิ่มความเร็วเว็บไซต์ (Page Speed)
- ใช้เครื่องมือ PageSpeed Insights
- บีบอัดภาพให้เล็กลง (ใช้ WebP)
- ใช้โฮสติ้งที่เร็ว และ CDN เช่น Cloudflare
5. ทำเว็บไซต์ให้รองรับมือถือ (Mobile-Friendly)
- Google ให้ความสำคัญกับเว็บที่แสดงผลดีบนมือถือ
- ตรวจสอบได้ที่: Mobile-Friendly Test
6. ทำ SEO ภายนอก (Off-Page SEO)
- แชร์บทความไปยัง Facebook, Line, Instagram
- ขอรีวิวจากลูกค้า หรือให้คนอื่นพูดถึงเว็บไซต์ของคุณพร้อมลิงก์
- สมัครเว็บไซต์ลงประกาศฟรี หรือลงลิงก์ในเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
7. ติดตามผลและปรับปรุง
- ติดตั้ง Google Search Console: ดูว่าเว็บของคุณติดอันดับคีย์เวิร์ดไหน
- ติดตั้ง Google Analytics: ดูพฤติกรรมผู้ใช้งาน
- อัปเดตเนื้อหาบ่อย ๆ เพิ่มบทความใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ